ผมและอีตุ๊ด ต่างแยกกันทันทีที่ผู้จัดการโผล่เข้ามาผมถูกสั่งให้คอยดูแลเก็บโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร รับออเดอร์ คิดเงินและอื่นๆ เอาเป็นว่าสากกะเบือยันเรือรบเลยก็ได้ พอก้าวเข้ามาได้ยินเสียงเด็กเล็กๆตะโกนแหกปาก โอเค ผมก็ได้แต่หลับตาแล้วถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรมนี้...แต่ถามหน่อยเถอะ เด็กนี่มันเป็นอะไรถึงได้แหกปากกันขนาดนี้
พอทำงานไปสักพักผมได้ยินเสียงอีตุ๊ดตะโกนมมาหาผมว่า
" อีจิ้กจงๆๆๆ มาดูนี่เร็ว คนรีทวิตหน้าพีมเป็นพันแล้ว~ "
" จริงเหรอ!! "
ผมถามอย่างตื่นเต้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่านี่ยังเป็นเวลางานอยู่ เลยมองซ้ายมองขวาดูว่าทางสะดวกมั้ย
" พี่พิไลไม่อยู่ ไปเอาเงินเข้าธนาคาร ดูเร็วๆ "
อีตุ๊ดมันเก่งเรื่องหาช่วงเวลาอู้จริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะผมคงด่ากลับไปแล้ว แต่ตอนนี้...
" อ๋อ...ไหนๆ "
โห...คนรีทวิตไปตั้งสองพันกว่าแล้วเนี่ย! ต้องไปเค้าต้องดังแน่ๆ และถ้าเราเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เค้าละก็..เราก็ไม่ต้องมาเป็นพนังงานเสริฟอีก
" น้องพนักงานคะ "
" ครับ...มีอะไรให้ช่วยครับ "
" ช่วยทำอะไรสักอย่างหน่อยสิ มีเด็กอ้วกอยู่ข้างโต๊ะนะ "
เด็กอ้วก? แล้วภาพเด็กเลโก้เรนนั้นก็แวะมาในเข้ามาในหัว ผมกับอีตุ๊ดมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ได้มีแค่นั้นเพราะเด็กมันมีตั้งสองคน
" เฮ้ย! ลูกใครเนี่ยกำลังขี้ที่พื้น "
ขี้ที่พื้น??
" อย่านะหนูู!! "
ว่าแล้วมันก็ไปอุ้มเด็กขึ้นมาแล้ววิ่งหน้าตั้งไปที่ห้องน้ำ ตอนนั้นที่ผมเพิ่งจะได้ยินเสียงแม่ของเด็ก
" เกิดอะไรขึ้น เลโก้หนูอึเหรอลูก "
การที่ลูกขี้ที่พื้นไม่ได้ทำให้นางอายหรือรู้สึกอะไรเลย สังเกตได้จากสีหน้าคนรอบข้างหน่อยไหม และถึงน้ำหนึ่งมันจะอุ้มเด็กเปรตนั้นไปเเล้ว แต่อุจจาระบางส่วนก็ยังกองอยู่ที่พื้น แล้วไม่ได้เป็นก้อนด้วยนะ มันเป็นน้ำ อี๋...เห็นแล้วขนลุก
" ตายแล้ว...พี่ขอโทษด้วยนะน้อง รบกวนช่วยทำความสะอาดให้ด้วยละกันนะ "
มนุษย์แม่ว่าแล้วก็เดินไปหาลูกสาวที่อ้วกอยู่อีกทางและกำลังร้องไห้กระจองงอแง จนลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านพากันทำหน้าเอื่อมระอา ที่น่าสงสารยิ่งกว่าคือลูกค้าบางโต๊ะที่ต้องมาเห็นขี้ที่พื้น จะกินข้าวลงได้ยังไง บ้างโต๊ะก็ทำท่าจะลุกหนีเรียกพนักงานเช็คบิลแล้วด้วย
" พวกเราไม่ต้องทำ! เดี๋ยวรุ้งไปบอกให้แม่เด็กทำเอง "
ผมว่าแล้วก็เดินไปหยิบกระดาษชำระและน้ำยาบ้างพื้นที่ด้านในออกมา
" เฮ้ย! จะดีเหรอรุ้ง นั้นลูกค้านะ "
" อย่าเลยรุ้ง เดี๋ยวพวกพี่ทำเอง "
" ขี้ลูกใครก็ให้คนนั้นทำสิพี่ "
" แต่ว่า... "
ผมไม่สนใจเสียงคัดค้าน แล้วเดินพุ่งตรงไปที่โต๊ะของมนุษย์แม่ที่ตอนนั้นอุ้มลูกชายและลูกสาวที่กลับมานั่งกินโต๊ะแล้ว ทำท่าทีไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ไม่สนสายตาใครหน้าไหนทั้งสิ้น เสียดายที่ผมเห็นพนักงานทางโน้นกำลังเช็ดอ้วกของเด็กผู้หญิง
" คุณลูกค้าครับ...เรื่องทำความสะอาด "
" อ้อ...เดี๋ยวพี่ให้ทิป ช่วยหน่อยนะน้อง "
" ผมไม่ต้องการทิปครับพี่ ผมต้องการให้พี่ไปทำความสะอาดพื้นต่างหาก "
" อะไรนะ! "
" พี่ก็ได้ยินแล้ว...นี่กระดาษทิชชู ส่วนนี้น้ำยาเช็ดพื้นครับ "
" นี่แกจะบ้าเหรอ "
" เอ่อ...คุณวิใจเย็นๆนะคะ "
" ไม่ยุ่งไม่เย็นมันแล้วค่ะคุณนรินทร์ ดูอีเด็กนี่มันพูดสิมันเป็นแค่เด็กเสิร์ฟแท้ๆ ไม่ใช่ลูกค้าแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า "
หลังจากนั้นผมกับอีนางมนุษย์แม่นั่นก็ได้ทะเลาะกันชุดใหญ่ รายการเถียงกันไปเถียงกันมาฟ้องกันไปฟ้องกันมา รู้ไหมว่าผลสรุปมันคืออะไร มันก็คือผมเองที่จะเช็ดขี้ที่พื้นเพราะอีนางมนุษย์แม่ไม่ยอมทำได้แต่ตั้งเงินไว้เเล้วหนีอุ้มลูกออกจากร้านไป
" รุ้ง "
" ครับ? "
" ไม่ต้องมาทำงานจนกว่าพี่จะโทรไปนะ "
" ... "
ผมยืนชื่อปล่อยให้สมองประมวลผลคำพูดของพี่พิไล
นะ..นี่เราโดนไล่ออกจากงานเพราะอีมนุษย์แม่นั้นหนะเหรอ
" ยืนอยู่ทำไม...ทำไมยังไม่ไปอีก "
ที่จริงมันก็ยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ ในเมื่อผมกำลังจะโดนไล่ออกแบบทางอ้อม อย่างนั้นมันก็ต้องมีเหตุและผลหน่อยสิ ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิดทั้งที่ลูกค้าก็ยัง เข้าข้างผมเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อพี่พิไลตอบกลับใส่หน้าผมว่า
" เราทำงานบริการเพราะฉะนั้นไม่ว่าลูกค้า จะขี้ จะเยี่ยว จะอ้วกหรือจะทำอะไร เราก็ต้องตามล้างตามเช็ดการที่เธอไปวีนแบบนั้นสุดท้าย เธอก็ต้องความทำความสะอาดเองอยู่ดี ถึงเธอจะไม่ยอมพนักงานคนอื่นในร้านก็ต้องทำอยู่ดี "
ฟังแบบนี้แล้วผมเองถึงกับพูดไม่ออกเลย แบบทุกอย่างในหัวตอนนี้มันอื้อไปหมด
" ... "
ก่อนจะเดินออกจากร้าน น้ำหนึ่งเข้ามาตบไหล่แล้วบอกว่าเสียใจด้วยจริงๆนะ
" อ้าว...รุ้ง "
ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าตัวเองเดินมาร้านที่พีมทำงานอยู่เฉยเลย
" ไงพีม "
" เหตุใดจึงมาอยู่ตรงนี้ได้หละ พักอยู่เหรอ "
พัก...เมื่อได้ยินคำนี้ผมถึงกับเสียงแห้ง
" ใช่ พัก...พักแบบยาวเลย เราจะกลับบ้านวันนี้นายกลับเองนะ จำทางได้ใช่มั้ย "
" รอสักครู่ เราจะไปบอกพี่อิงว่าเราจะเลิกงานแล้ว จะได้กลับบ้านพร้อมกัน "
" ไม่ต้องหรอก ทำงานเถอะจะได้เงินเยอะๆ รีบไปถ่ายรูปกับลูกค้าเถอะ "
" รอเราด้วยนะ อย่าพึงรีบกลับจะได้กลับพร้อมกัน "
เค้าบอกผมแล้วก็รีบวิ่งไปทำงานต่ออย่างเร็ว
" เจอกันที่บ้านนะ "
ผมบอกไปโดยไม่สนใจว่าเค้าจะได้ยินหรือไม่ได้ยินแล้วก็เดินออกมา
ณ ในห้อง
" รุ้งเรากลับมาแล้วนะ "
" อืม "
" เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่รอเราละ "
" ขอโทษนะที่ไม่ได้รอ... "
" เกิดอะไรขึ้น คุณโอเคมั้ย บอกเราได้นะ "
พอได้ยินประโยคนั้นผมก็น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความท้อใจว่าจะเอายังไงต่อดี งานก็ไม่ได้ทำแล้ว
" เราโดนไล่ออกจากงานแล้ว "
" ทำไมละ ทำไมถึงโดนไล่ออก "
ผมเองไม่รู้จะเล่ายังไงต่อดี
" ไม่มีไรหรอกแค่ทำผิดไปนิดหน่อยหนะ "
" ไม่เป็นไรนะรุ้งเราจะหาเงินช่วยเอง "
ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อพีมพูดออกมาแบบนั้น
สองวันต่อมา
ผมขยับตัวเมื่อรู้สึกถึงแสงแดดที่ส่องเข้าหน้า ถึงอยากจะนอนต่อเเค่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้ จึงค่อยๆลืมตา สิ่งแรกที่เห็นคือพีมที่ยืนหน้ามาใกล้ๆ หน้าของผม
" อรุณสวัสดิ์นะ "
" ... "
" อืม นายเป็นไงบ้าง "
ผมว่าแล้วก็ยับตัวขึ้นมาจากที่นอน
" อืม...โอเคดีนะ "
ในระหว่างที่พีมไปทำงานทุกวันผมเองก็ได้แต่นอนซมอยู่ในหอนี้ บางครั้งก็ไม่ส่งพีมบ้างไปรับบ้างก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของตัวเองในวันนั้นๆ แล้วที่สำคัญคือการทำกับข้าวตอนรับพีมกลับมากินข้าวในทุกๆ วัน