บทนำ

     ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสั่งให้ตัวเองกดปุ่มโทรออกหา 'แม่' อีกครั้ง นี่ก็เป็นครั้งที่สิบแล้วที่ผมต่อสายหาแม่บังเกิดเกล้า มาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะระหว่างคนโทรจิกกับคนที่ไม่ยอมรับสาย

     ตู๊ด......
 
    ผมจะรอจนกว่าสายจะตัดไปเอง ถึงต่อให้แม่ไม่ยอมรับสายก็ตาม ยังไงโทรไปก็ต้องมีเสียงดัง...ไม่ก็สั่นครืดๆไม่หยุดแน่ๆ

     ตู๊ด.....
 
    [ แกโทรมามีอะไรนักหนา โทรมาอยู่ได้ นี่กะจะให้แบตมือถือฉันหมดเลยหรือยังไง ]


     ผมแอบยิ้มมุมปาก เห็นไม่ว่าในที่สุดผมก็ชนะ ส่วนแม่ก็แพ้ความน่ารำคาญจนได้


     [ ว่ายังไง?? ]
     " แม่ครับ..."
     [ มัวแต่อมพนันอยู่นั่นล่ะ มีอะไรก็รีบๆ พูดมา บอกแล้วไงว่าช่วงนี้ฉันยุ่ง ไม่มีเวลามานั่งคุยเรื่องไรสาระกับแกหรอกนะ ]
     " เดือนนี้แม่ต้องให้ตังค์รุ้ง แม่จำได้มั้ยครับ "


     ผมเริ่มเกริ่นด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายประจำเดือน แม่กับข้อตกลงกันว่าจะสลับกันส่งเงินให้ผม ฟังดูก็มีความรับผิดชอบดีนะ...แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทำได้ โดยเฉพาะแม่ การเจียดเงินให้ผมเดือนละพันสองพันมันคงยากลำบากมากจริง


     [ อะไรนะ เดือนนี้? นี่แกจำผิดหรือเปล่า ]
     " ก็เดือนที่เเล้วพ่อเป็นคนให้ เดือนนี้แม่ก็ต้องเป็นคนให้สิ "
     [ งั้นก็ขอพ่อแกอีกเดือนสิ ]
     " ขอเเล้วพ่อเค้าบอกไม่มีแล้ว "
     [ ไปขอมันอีกรอบ บอกแล้วไงว่าตอนนี้ฉันช็อต น้องแกสองคนก็เพิ่งเปิดเทอม นี่ฉันเองก็พึงจ่ายค่าเทอมให้พวกน้องๆไปหมาดๆ แล้วจะไปเอาเงินมาจากไหนมาให้แกละ ]
     " อ้อ...รุ้งก็ต้องจ่ายค่าเทอมเดือนนี้เหมือนกัน แม่ไม่ต้องให้ค่ากินค่าอยู่รุ้งก็ได้ แค่ให้ค่าเทอมรุ้งก็พอ "
     [ โอ้ยยย...ไม่มี ไม่มี!! แกไม่เข้าใจฉันหรือไงว่าฉันไม่มี ไปขอพ่อแกนู่น ]


     แม่เขาก็ปัดความรับผิดชอบอีกตามเคย...เฮ้อ! ผมถอนหาใจด้วยความเบื่อไม่ว่าจะตอนไหนแม่ก็บอกไม่มี...


     " รุ้งคุยกับพ่อแล้ว พ่อเขาก็บอกไม่มีเหมือนกัน น้าเอิร์นเก็บเงินไปหมด เค้าจะไม่ยอมจ่ายอะไรทั้งนั้นเพราะค่าเทอมเดือนนี้เป็นส่วนของแม่ที่ต้องรับผิดชอบ "
     [ ก็ฉันไม่มีจะให้ทำยังไง ฉันมีลูกอีกตั้งสองคนแล้วยังต้อง ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จะให้ฉันหาจากไหน ฝั่งนู้นก็ไม่มีลูกไม่มีเต้าไม่ใช่เรอะ อยู่กันสองคนจะไปมีค่าใช้จ่ายอะไรหนักหนา ]
     " น้าเอิร์นออกจากงานเเล้วเพราะแพ้ท้อง ต้องเก็บเงินไว้คลอดลูกด้วยที่สำคัญเลยคือพ่อเพิ่งตกงาน "
     [ ตกงาน! สมน้ำหน้ามันจริงๆ แก่ป่านนี้ยังจะอยากมีลูกอีก โอ้ยย! พ่อแกมันเอาอะไรคิดละนั้น ]



     แม่สบถด่าอีกหลายคำด้วยความสะใจ ส่วนผมก็ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเช่นเคย แล้วผมก็พยายามพูดพาแม่กลับมายังเรื่องที่เรากำลังคุยค้างกันอยู่



     " แม่...รุ้งต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมเดือนนี้จริงๆ ไม่งั้นรุ้งไม่ได้เรียนต่อนะครับ รุ้งใกล้จะจบแล้วด้วย "


     ผมกลั้นใจกล่าวอ้อนวอนขอแม่อีกรอบ...เพาะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ พอเรียนจบทุกอย่างมันก็คงจะดีขึ้น อดทนอีกนิดเดียวนะรุ้ง...ผมบอกกับตัวเองซ้ำๆ ต่อไปก็ไม่ต้องโทรมาขอเงินกับใครอีก



     " นะครับแม่ รุ้งอยากเรียนให้จบ หลังจากนี้รุ้งจะไม่รบกวนแม่อีกเลยชวยรุ้งหน่อยนะครับแม่ "
     [ ตอนนี้ฉันไม่มีสักเเดงเดียว! ทำไมแกไม่รู้จักหางานหาการทำบ้าง เก็บเงินจ่ายค่าเทอมเองบ้าง ]



     เหอะ ถ้าผมไม่ทำงานพิเศษ...ลำพังเศษเงินที่แม่ให้พันสองพันจะไปพอยาไส้อะไรละ



     " แม่ก็รู้ว่ารุ้งทำงานพิเศษอยู่ รุ้งเอาเงินส่วนนั้นไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะได้ไม่ต้องขอเงินแม่มากไง แต่ค่าเทอมยังไม่พอจริงๆ "
     [ ลองไปขอพ่อแกอีกครั้งสิ พ่อแกไม่ปล่อยให้แกถูกไล่ออกจากมหาลัยอยู่แล้ว ]
     " พ่อเค้าก็ไม่มีจริงๆ "
     [ ฉันก็ไม่มี ]
     " แล้วแบบนี้... "
     [ แกโตแล้วก็ลองคิดหาทางออกเอาเองละกัน เดือนนี้ฉันไม่มีให้ ขืนให้แกไปน้องสองคนก็ไม่มีอะไรจะกินกันพอดี ]



     แล้วทีผมต้องอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ทุกเดือนไม่เห็นจะมีใครมาสนใจเลย แต่พวกน้องๆ ได้กินของดีๆ ใช้ของแพงๆ แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่แม่ไม่น่าทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความแต่ต่างระหว่างลูกรักกับลูกชังขนาดนี้



     " แม่... "
     [ แล้วก็ไม่ต้องโทรมาอีกนะ ถ้ามีฉันจะส่งให้เอง ถ้าหาไม่ได้ก็ไปดร็อปเรียนไปสักเทอม จบช้าหน่อยมันจะเป็นไรไป มันก็เป็นความผิดของแกเองไม่ใช่เหรอที่ไปเรียนมหาลัยแพงๆ โอ้ยยย!!! แค่นี้ละกันขี้เกียจจะพูดแล้ว
     " แม่ "
     [ อะไรอีกฮะ ]
     " ถ้าคนที่โทรไปขอค่าเทอมเป็นพวกน้องๆ แม่ยังจะบอกว่าไม่มีแล้วก็ปล่อยให้ไปตามเวรตามกรรมหรือไล่ให้ไปดร็อปเรียนแบบหนูหรือเปล่า? "
     [ ..... ]



     แม่ก็เงียบไป ผมพนันได้เลยว่าแม่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงินให้พวกนั้นได้เรียนหนังสือต่อแน่ๆ ทำไมแม่ไม่ทำแบบนั้นเพื่อผมบ้างนะ ถึงจะเป็นลูกที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมาก็เถอะ


     [ ก็คนมันไม่มี จะให้ทำไงละฮะ ]
     " แม่...แม่ให้รุ้งเกิดมาทำไมเหรอ? "


     จู่ๆ ผมก็ถามสิ่งที่ผมสงสัยมานาน มาถึงตรงนี้ผมคงไม่หวังว่าแม่จะยอมช่วยแล้วล่ะ ขืนเจียดเงินมาให้ผมเดี๋ยวพวกน้องๆ จะลำบากเปล่าๆ 


     " ถ้าทุกอย่างมันจะอยากขนาดนี้ แม่จะให้ผมเกิดมาทำไม "
     [ ..... ]

     " จริงๆ นะรุ้งโคตรทรมานเลยอ่ะแม่ ทุกวันนี้ถ้าตายได้ก็อยากตายให้มันพ้นๆ ไปสักที แม่ไม่น่าให้ผมเกิดมาเลยจริงๆ "
     [ นี่หลิน... ]


     ตื้ด...


     ผมก็ตัดสายก่อนจะโดนแม่แว้ดใส่ว่า ' ฉันก็ไม่ได้อยากให้แกเกิดมาหรอกนะ ' เฮ้อ...ผมระบายลมหายใจที่อัดแน่นอยู่ในอก แล้วก็เดินออกไปนอกห้องเพื่อสูดอากาศด้านนอก ระเบียงคือส่วนที่ผมชอบมากที่สุดในห้องรังหนูเพราะมันคือจุดเดียวที่กลิ่นขยะจากข้างๆ ห้องลอยมาไม่ถึง ผมเอนตังพิงกับขอบระเบียงแล้วก้มหน้าลงไปมองด้านล่าง


     อืม...มองจากตรงนี้แล้วต้นไม้ข้างล่างดูเล็กนิดเดียวเองแฮะ ถ้าตกลงไปจะตายหรือเปล่านะ??


     ผมคิดในใจ แล้วก้นึกขึ้นได้ว่าป้าแจ่มจันทร์เจ้าของหอคงจะแค้นมากถ้าผมมากระโดดดึกฆ่าตัวตายที่หอ เพราะแค่ข่าวลือว่ามีคนผูกคอตาย ผู้เช่าคนอื่นก็พากันกลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว ถ้าผมมากระโดดตึกตายไปอีกคน...สงสัยหอนี้ต้องเป็นหอร้างแน่ๆ


     ช่างปะไร...


     ผมต้องแคร์ด้วยเหรอ...มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องมาสนสักหน่อย ผมเบื่อชีวิตที่ต้องทุกร์ทรมาน ดิ้นรนปากกัดตีนถีบแบบนี้เต็มทีแล้ว ในเมื่อผมเองก็มาจากความไม่ตั้งใจ ไม่ได้เป็นที่ต้องการของใครอยู่แล้ว และไม่ว่าฉันจะอยู่หรือจะตาย...ก็คงไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักเท่าไหร่ด้วย


     กึก...


     เมื่อตัดสินใจได้ ผมก็สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ปีนขึ้นไปยืมบนขอบระเบียง แต่พอมองลงไปข้างล่างหัวใจผมก็เต้นระรัวไม่หยด...เหมือนจะปลิวลงไปได้ทุกเมื่อพร้อมกับลมที่พัดผ่านตัวผมหรือแค่มีคนเอานิ้วก้อยมาดุนหลังผมเบาๆ ผมก็พร้อมที่จะไปเจอยมบาลได้ทุกเมื่อเลยนะเนี่ย...


     ตายไปเลยดีมั้ย...จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ แถมไม่ต้องมาทรมานอีก
     ฟิ้วววว!!!
     แต่...เปล่า ผมยังไม่ได้กระโดด


     ครืดดด!!!


     " กรี๊ดดดดดด! "


     ผมเผลอร้องด้วยความตกใจเพราะเสียงอะไรสักอย่างที่ดังมาจากดาดฟ้า ผมรีบย่อตัวลงมาอย่างตื่นตระหนก มือทั้งสองข้างเกาะขอบระเบียงไว้แน่นเพราะกลัวจะตกลงไปทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมจะตาย


     โครม!! 


     เสียงเพดานในห้องถล่มดังสนั่น อะไรวะเนี่ย...ผมต้องตัดสินใจกระโดดลงมาจากขอบระเบียงแล้งวิ่งไปในห้องเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในห้องเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากเศษซากของเพดานลอยคลุ้งตลบอบอวลจนมองอะไรในห้องแทบไม่เห็น พอผมแหงนหน้ามองขึ้นไปบนเพดานก็เห็นแสงแดดสาดทะลุเข้ามาในห้อง


     โว้ยย ซวยแล้วว!! อะไรตกลงมาเนี่ย อุกกาบาตเหรอ!
     " แค่กกกก "
     เฮ้ย!! นะ...นี่มัน สะ...เสียงคน?


     ผมเพ่งมองอะไรก็ตามที่อยู่ใจกลางเศษซากเพดานที่พังลงมาอย่างระเเวดระวัง เตรียมใจรับความน่ากลัวแปลกประหลาดพิศดารจากอะไรก็ตาม


     " โอ...แย่ละ นี่คงเป็นโลกมนุษย์จริงๆสินะ "


     เหวย เสียงคนจริงๆ ด้วย! ไม่ใช่อุกกาบาต แต่เป็นคน
     คนตกลงมาจากฟ้า...ทะลุเพดานเลยเนี่ยนะ?


     " คะ...ใครน่ะ " ฉันลองส่งเสียงถาม


     " แค่ก...เฮ้!! "


     อีกฝ่ายตอบกลับ ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก...จดจ้องไปตรงใจกลางเศษซากที่เมื่อกี้ยังคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นละอองอย่างกล้าๆ กลัวๆ และเพียงไม่กี่อึดใจสิ่งนั้นก็ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน


     " สวัสดีมนุษย์ชาย... "


     เอเลี่ยนเหรอ! อะ...เอเลี่ยน...กำลังพูดกะ...กับผม


     " เราชื่อพีมลานซาลาดอนเอคิสนาอาเรส "


     โอ้ยย...เอเลี่ยนจำเป็นต้องชื่อยาวขนาดนี้มั้ยเนี่ย


     แต่เดี๋ยวนะ เอเลี่ยน...เหรอ ไม่สิ ไม่เลย! เค้าดูเหมือนมนูษย์เพศชายปกติทั่วไป ไม่ได้มีสามตา สี่ขา สี่แขนอะไรนิ แต่เป็นผู้ชายที่ชื่อยาวยืดที่สุดที่เคยได้ยินมาในชีวิตนี้เลย เค้ากำลังนั่งชันเข่าเหนือเศษซากเพดานที่หักพังเค้ามีดวงตาสีแดงก่ำ ใบหน้าหล่อเหลาแบบให้คำจำกัดความไม่ถูก...เค้าค่อยๆ ลุกขึ้นยืมจนเต็มความสูงพร้อมส่งรอยยิ้มสันติภาพมาให้


     " เราคือปีศาจจิ้งจอก"


     เฮือก...ตั้งแต่เกิดมาอายุยี่สิบสองปีฉันไม่เคยยืนอึ้งอ้าปากค้างแบบนี้มาก่อนเลย...
     เอ่อ...นี่ไม่ใช่เรื่องที่เค้าจะบอกว่าเป็นปีศาจจิ้งจองหรอกนะ


     " ยินดีที่ได้รู้จัก "
     โอ...พวกปีศาจที่นี่เขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันเหรอ...