ตอนที่ 6

      " ... "

 

     พอได้ยินแบบนี้ผมก็ได้นิ่ง ผมจ้องผู้ชายตัวโตๆที่อยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เค้าตัวสูงเหมือนคนทั่วๆไป อันที่จริงอาจจะมากกว่าผู้ชายทั่วในไทยนี้ แววตาและท่าทางของเขาช่างดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด ผมได้แต่คิดในใจว่าทำไมทำไมถึงมาเจอคนบ้าแบบเหนื่อยทำไมถึงต้องเป็นเพดานห้องของผม แต่ผมก็เคยได้ยินมาว่าบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องบังเอิญทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมันทั้งหมดและเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมต้องมาเจอกับเค้าคนนี้ล่ะ


     " เออนี่ระหว่างที่เรานั่งรอคุณอยู่มีคนโอนเงินมาให้เราด้วยมนุษย์นี้ช่างมีน้ำใจจริงๆเลยนะ "


     หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นเขาก็สาธยายเรื่องราวต่างๆในวันนี้ให้ผมฟัง


     " เอาล่ะเลิกพูดมากได้แล้วหิวข้าวไม่ใช่หรอ รีบกลับบ้านกินข้าวกันเถอะ "


     ผมพูดเสร็จผมก็เดินกลับ แล้วเขาก็เดินตามมาจนถึงคอนโแล้วเขาก็เดินตามมาจนถึงหอ แต่กว่าจะพาทีมขึ้นหอได้นี่ช่างแสนลำบากยากเข็ดเหลือเกินเพราะต้องหลีกเลี่ยงให้พ้นจากสายตาเรื่องของป้าแจ่ม



     " เออทำไมตอนที่นายขึ้นมาจากนรกเนี่ย นายไม่พกเงินมาเยอะๆหรือว่าไม่เอาเสื้อผ้าติดมาบ้างล่ะ "

     " ก็มันเป็นอุบัติเหตุนี่นา เราไม่คิดจะมา บนโลกมนุษย์นี้อยู่แล้วแหละ แต่มันก็คาดไม่่ถึงเราเลยจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ "



     เปิดประตูห้องเข้ามา ผมก็บอกให้พิมพ์ไปเปลี่ยนผ้าและเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเพื่อที่จะเตรียมทานอาหาร ส่วนผมเองนั้นก็ทำอาหารรอเขาอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยไปอาบต่อ


     " เออ...พีมเดี๋ยวลงไปซื้อเสื้อพากันมั้ย "

     " ได้สิ "


     ไม่ใช่อะไรนะที่ผมชวนเค้าไปเพราะถ้ายังให้เค้าใส่เสื้อพาผมต่อเสื้อผ้าผมคงยืดเหมือนกางเกงช้างแน่ๆ


     " ข้าวเสร็จแล้ว " 

     " มาๆนั่งกินข้าวกันจะได้ลงไปซื้อของอื่น "



     ในขณะที่ลงไปผมก็มองซ้ายมองขวาอย่างถี่ถ้วนแต่ก็ คงไม่เป็นไรหรอก เพราะพิมพ์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ป้าคงคิดว่าผมก็แค่พาเพื่อนมาที่ห้อง


     " เดี๋ยวเดินไปทางนั้นกัน "


     พอถึงตลอดพีมก็ทำหน้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น


     " ทำไมมันตระการตาแบบนี้กัน "

     " อย่าบอกนะว่านายไม่เคยเห็นหนะ "

     " ใช่...เราไม่เคยเห็น "

     " ไปดูตรงนั้นกัน "



     เดินอยู่ในตลาดได้สักพักผมก็ไปดูเสื้อยืดกางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์ แล้วก็กางเกงใน ไว้ให้พีมใส ผมพยายามเลือกเสื้อผ้าที่มีราคาถูกที่สุดที่จะถูกได้แต่ก็ยังหมดเงินไปเป็นพันอยู่ดี เดินๆไปสักพัก

     ซ่าา~~~

     มั่กๆ

     เดินกันไม่ถึงไหนฝนก็ตกลงมาอย่างหนักผมกับพีมก็วิ่งพาฝนกลับหอด้วยเหมือนกัน


     " เปียกหมดเลย "


     ผมว่าปลาปัดๆน้ำออกจากตัวอย่างอารมณ์เสียเ


     " เออนี่ต่อไปนี้เราคงเข้าออกได้สบายแล้วใช่ไหม เพราะ คุณคงอธิบายให้กับเจ้าของหอฟังแล้วใช่มั้ย "

     " อืมม ใช่เราบอกเจ้าขอหอไปแล้วว่านายเป็นน้องชาย "

     " ฮัดชิ่ววว "


     ผมหลุดจามออกมาสามครั้งติดๆ รู้สึกปวดปลายจมูกเริ่มคันจมูกยุบๆๆ 


     " โอ๊ย...อยากป่วยนะ ห้ามป่วยเด็ดขาดเลยนะรุ้ง "

     " อ้าว ตามเช่นนี้คุณต้องป่วยแล้วนี่แน่เลย "

     " ปากเสีย รีบขึ้นห้องได้แล้ว ผมจะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักที "



     ผมเดินนำไปที่บันไดพลางเอามือกอดตัวเองไว้แน่นแก่จริงๆเลยเวลาฝนตกแล้วมาพร้อมกับลมเนี่ย มันเย็นซะจริงๆ นอกจากจะพัดทุกอย่างให้ปลิวว่อนกระจัดกระจายแถมยังทำร่มพังอีกด้วย


     " อะ...เอานี่ไปคุมไว้ก่อนสิ "


     ผมกำลังจะบอกว่าไม่ต้องแต่พีมก็ถอดเอาเสื้อที่เปียกของเค้ามาคลุมผมอีกชั้น


     " โอ๊ยเดี๋ยวก็ถึงห้องแล้วจะถอดเสื้อออกมาคลุมให้มันวุ่นวายทำไมเนี่ย " 

     " เฮ้อ...คุณนี่จิตใจหยาบกร้านสะจริงๆ "

     " พูดใหม่ซิ... "


     ผมหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเขียว

     แอ๊ดดด~~~

     ผมไขประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปเมื่อเราเดินถึงห้อง ( อย่างเหน็ดเหนื่อย ) แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาผมอ้าปากค้างไปหลายวินาทีเลย


     " เชี้ยย!!! "

     " มีอะไรหรอ "


     เสียงของพีมหายไปเมื่อเค้าได้เห็นสิ่งเดียวกันกับที่ผมเห็น


     " ทำไมน้ำถึงท่วมห้องแบบนี้หละรุ้ง "

     " จะเพราะอะไรละ...ก็เพราะนายไง "


     ผมได้แต่ยืนมองน้ำที่ไหลลงมาจากรูโบ๋บนเพดานห้อง ประหนึ่งน้ำตก รู้นี่มาจากไหนนะหรอ...ก็จากไอ้บ้าที่ยืนถามนี่ล่ะว่าเพราะอะไรทำไมน้ำถึงท่วมห้อง


     " เอ้ายืนอยู่ทำไมล่ะ รีบเข้ามาช่วยกันวิดน้ำออกดิ "

     " เนี่ยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราดีดนิ้วทีเดียว ทุกอย่างก็จะสะอาดหมดแล้ว "

     " แล้วตอนนี้มันได้มั้ยละ "

     " ไม่ได้... "

     " ก็รู้นิว่าไม่ได้...ก็รีบมาช่วยกันสิ "


     ผมสั่งครีมให้วิดน้ำออกจากห้อง ส่วนตัวผมเองนั้นก็รีบเก็บข้าวของที่วางอยู่บนพื้นขึ้นให้มันพ้นจากน้ำทุกสิ่งเปียกแฉะไปหมดรองเท้าลอยคอขวดน้ำลอยแพ ถ้ามีกระทงนิดคงแล่นฉิวได้เลยแหละ แต่โชคดีนะที่สมบัติอันมีค่าอันน้อยนิดของผมยังเหลือรอด


     " รุ้งเราว่าหากฝนยังตกอยู่ไม่หยุดแบบนี้วิทย์เท่าไหร่ก็ไม่หมดแน่ๆคืนนีรุ้งเราว่าหากฝนยังตกอยู่ไม่หยุดแบบนี้้คืนนี้วิดเท่าไหร่ก็ไม่หมดแน่ๆ "


     ตายแล้วตายแล้ว หนังสือไปหมดแล้ว


     " เราว่าต้องหาอะไรมารองน้ำฝนที่ตกลงมาก่อนดีกว่า "

     " เพราะนายนั่นแหละ เพราะนายคนเดียวเลยจริงๆ "

     " อ้าว! ทำไมถึงเพราะเราละ เราไม่ได้ทำน้ำท่วมห้องซะหน่อย "

     " ก็ต้องเพราะนายสิ เพราะนายทะลุเพดานห้องลงมาไงห้องเลยเป็นรูโบ๋น้ำเลยเข้าสภาพแล้วเป็นอย่างนี้ "

     " มันเป็นอุบัติเหตุนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะลงมาซะหน่อย "


     ผมเลยนึกสังเวชตัวเองไปๆมาๆสุดท้ายก็ต้องมาฟังหมอนี่ภาพเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ไม่รู้รอบที่ล้านแปดได้แล้ว


     " พอ ช่างเถอะ! ไปเอากะละมังมารองน้ำฝน "


     ผมทำมือได้อย่างเพลียๆ พีมก็เดินไปหยิบกะละมังเอามารองน้ำฝนแต่รูปโบ๋ขนาดนี้กว้างขนาดนี้กระมังแค่นี้คงเอาไม่อยู่ ถ้าจะแก้ไขปัญหาจริงๆก็คงต้องซ่อมฝ้าเพดานนี้ให้เรียบร้อย แต่จะร้องเรียนป้าเจ้าของหอก็ไม่ได้ โถ่เว้ย!! พอถึงจุดๆนี้ผมก็ได้แต่ตบหน้าผากตัวเองอย่างโง่เง่า ไม่น่ารับแหวนของผู้ชายคนนี้มาเลยไม่น่ารับปากเลยว่าจะให้เขาอยู่ด้วยเดือน

     ห้องก็เป็นรูปโบ๋แถมยังมีคนบ้าประสาทกลับอยู่ด้วย ได้อย่างเสียอย่างสินะ


     " เอายังไงต่อดีละรุ้ง "

     " นายก็วิดน้ำใส่กำลังต่อไปละกัน ทำเท่าที่ทำได้ไม่งั้นคืนนี้นายไม่ต้องนอทำเท่าที่ทำได้ ไม่งั้นคืนนี้นายไม่ได้นอนแน่ๆ "

     " จริงด้วย "


     เขาคนนั้นทำท่าทีกังวลแล้วก็เริ่มวิดน้ำอยู่บนห้องอย่างขยันขันแข็ง ส่วนผมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกให้เรียบร้อย กลับพยายามทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอผมออกมาจากห้องน้ำ น้ำในห้องปริมาณก็ลดลงแต่คงแห้งไม่สนิทเหมือนเดิมตราบใดที่ข้างนอกยังฝนตกหนักอยู่ 


     " ให้อุ้มไปที่เตียงมั้ย "

     " ฮะ...จะบ้ารึไง ไม่ต้องเดินเองได้ "


     ผมปฏิเสธอย่างเขินอาย ไม่เข้าใจว่าจะเสนอตัวมาอุ้มทำไม ผมไม่ได้พิการซะหน่อย ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ แต่ว่าถ้าหากว่าเราเหยียบลงพื้นอีกรอบเท้าเราก็จะเปียกขึ้นไปบนเตียงน่ะสิ เวรละลืมคิด!