" ... "
พอได้ยินแบบนี้ผมก็ได้นิ่ง ผมจ้องผู้ชายตัวโตๆที่อยู่ตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เค้าตัวสูงเหมือนคนทั่วๆไป อันที่จริงอาจจะมากกว่าผู้ชายทั่วในไทยนี้ แววตาและท่าทางของเขาช่างดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด ผมได้แต่คิดในใจว่าทำไมทำไมถึงมาเจอคนบ้าแบบเหนื่อยทำไมถึงต้องเป็นเพดานห้องของผม แต่ผมก็เคยได้ยินมาว่าบนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องบังเอิญทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมันทั้งหมดและเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมต้องมาเจอกับเค้าคนนี้ล่ะ
" เออนี่ระหว่างที่เรานั่งรอคุณอยู่มีคนโอนเงินมาให้เราด้วยมนุษย์นี้ช่างมีน้ำใจจริงๆเลยนะ "
หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นเขาก็สาธยายเรื่องราวต่างๆในวันนี้ให้ผมฟัง
" เอาล่ะเลิกพูดมากได้แล้วหิวข้าวไม่ใช่หรอ รีบกลับบ้านกินข้าวกันเถอะ "
ผมพูดเสร็จผมก็เดินกลับ แล้วเขาก็เดินตามมาจนถึงคอนโแล้วเขาก็เดินตามมาจนถึงหอ แต่กว่าจะพาทีมขึ้นหอได้นี่ช่างแสนลำบากยากเข็ดเหลือเกินเพราะต้องหลีกเลี่ยงให้พ้นจากสายตาเรื่องของป้าแจ่ม
" เออทำไมตอนที่นายขึ้นมาจากนรกเนี่ย นายไม่พกเงินมาเยอะๆหรือว่าไม่เอาเสื้อผ้าติดมาบ้างล่ะ "
" ก็มันเป็นอุบัติเหตุนี่นา เราไม่คิดจะมา บนโลกมนุษย์นี้อยู่แล้วแหละ แต่มันก็คาดไม่่ถึงเราเลยจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ "
เปิดประตูห้องเข้ามา ผมก็บอกให้พิมพ์ไปเปลี่ยนผ้าและเข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวเพื่อที่จะเตรียมทานอาหาร ส่วนผมเองนั้นก็ทำอาหารรอเขาอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยไปอาบต่อ
" เออ...พีมเดี๋ยวลงไปซื้อเสื้อพากันมั้ย "
" ได้สิ "
ไม่ใช่อะไรนะที่ผมชวนเค้าไปเพราะถ้ายังให้เค้าใส่เสื้อพาผมต่อเสื้อผ้าผมคงยืดเหมือนกางเกงช้างแน่ๆ
" ข้าวเสร็จแล้ว "
" มาๆนั่งกินข้าวกันจะได้ลงไปซื้อของอื่น "
ในขณะที่ลงไปผมก็มองซ้ายมองขวาอย่างถี่ถ้วนแต่ก็ คงไม่เป็นไรหรอก เพราะพิมพ์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ป้าคงคิดว่าผมก็แค่พาเพื่อนมาที่ห้อง
" เดี๋ยวเดินไปทางนั้นกัน "
พอถึงตลอดพีมก็ทำหน้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น
" ทำไมมันตระการตาแบบนี้กัน "
" อย่าบอกนะว่านายไม่เคยเห็นหนะ "
" ใช่...เราไม่เคยเห็น "
" ไปดูตรงนั้นกัน "
เดินอยู่ในตลาดได้สักพักผมก็ไปดูเสื้อยืดกางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์ แล้วก็กางเกงใน ไว้ให้พีมใส ผมพยายามเลือกเสื้อผ้าที่มีราคาถูกที่สุดที่จะถูกได้แต่ก็ยังหมดเงินไปเป็นพันอยู่ดี เดินๆไปสักพัก
ซ่าา~~~
มั่กๆ
เดินกันไม่ถึงไหนฝนก็ตกลงมาอย่างหนักผมกับพีมก็วิ่งพาฝนกลับหอด้วยเหมือนกัน
" เปียกหมดเลย "
ผมว่าปลาปัดๆน้ำออกจากตัวอย่างอารมณ์เสียเ
" เออนี่ต่อไปนี้เราคงเข้าออกได้สบายแล้วใช่ไหม เพราะ คุณคงอธิบายให้กับเจ้าของหอฟังแล้วใช่มั้ย "
" อืมม ใช่เราบอกเจ้าขอหอไปแล้วว่านายเป็นน้องชาย "
" ฮัดชิ่ววว "
ผมหลุดจามออกมาสามครั้งติดๆ รู้สึกปวดปลายจมูกเริ่มคันจมูกยุบๆๆ
" โอ๊ย...อยากป่วยนะ ห้ามป่วยเด็ดขาดเลยนะรุ้ง "
" อ้าว ตามเช่นนี้คุณต้องป่วยแล้วนี่แน่เลย "
" ปากเสีย รีบขึ้นห้องได้แล้ว ผมจะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักที "
ผมเดินนำไปที่บันไดพลางเอามือกอดตัวเองไว้แน่นแก่จริงๆเลยเวลาฝนตกแล้วมาพร้อมกับลมเนี่ย มันเย็นซะจริงๆ นอกจากจะพัดทุกอย่างให้ปลิวว่อนกระจัดกระจายแถมยังทำร่มพังอีกด้วย
" อะ...เอานี่ไปคุมไว้ก่อนสิ "
ผมกำลังจะบอกว่าไม่ต้องแต่พีมก็ถอดเอาเสื้อที่เปียกของเค้ามาคลุมผมอีกชั้น
" โอ๊ยเดี๋ยวก็ถึงห้องแล้วจะถอดเสื้อออกมาคลุมให้มันวุ่นวายทำไมเนี่ย "
" เฮ้อ...คุณนี่จิตใจหยาบกร้านสะจริงๆ "
" พูดใหม่ซิ... "
ผมหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเขียว
แอ๊ดดด~~~
ผมไขประตูห้องแล้วเปิดเข้าไปเมื่อเราเดินถึงห้อง ( อย่างเหน็ดเหนื่อย ) แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำเอาผมอ้าปากค้างไปหลายวินาทีเลย
" เชี้ยย!!! "
" มีอะไรหรอ "
เสียงของพีมหายไปเมื่อเค้าได้เห็นสิ่งเดียวกันกับที่ผมเห็น
" ทำไมน้ำถึงท่วมห้องแบบนี้หละรุ้ง "
" จะเพราะอะไรละ...ก็เพราะนายไง "
ผมได้แต่ยืนมองน้ำที่ไหลลงมาจากรูโบ๋บนเพดานห้อง ประหนึ่งน้ำตก รู้นี่มาจากไหนนะหรอ...ก็จากไอ้บ้าที่ยืนถามนี่ล่ะว่าเพราะอะไรทำไมน้ำถึงท่วมห้อง
" เอ้ายืนอยู่ทำไมล่ะ รีบเข้ามาช่วยกันวิดน้ำออกดิ "
" เนี่ยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราดีดนิ้วทีเดียว ทุกอย่างก็จะสะอาดหมดแล้ว "
" แล้วตอนนี้มันได้มั้ยละ "
" ไม่ได้... "
" ก็รู้นิว่าไม่ได้...ก็รีบมาช่วยกันสิ "
ผมสั่งครีมให้วิดน้ำออกจากห้อง ส่วนตัวผมเองนั้นก็รีบเก็บข้าวของที่วางอยู่บนพื้นขึ้นให้มันพ้นจากน้ำทุกสิ่งเปียกแฉะไปหมดรองเท้าลอยคอขวดน้ำลอยแพ ถ้ามีกระทงนิดคงแล่นฉิวได้เลยแหละ แต่โชคดีนะที่สมบัติอันมีค่าอันน้อยนิดของผมยังเหลือรอด
" รุ้งเราว่าหากฝนยังตกอยู่ไม่หยุดแบบนี้วิทย์เท่าไหร่ก็ไม่หมดแน่ๆคืนนีรุ้งเราว่าหากฝนยังตกอยู่ไม่หยุดแบบนี้้คืนนี้วิดเท่าไหร่ก็ไม่หมดแน่ๆ "
ตายแล้วตายแล้ว หนังสือไปหมดแล้ว
" เราว่าต้องหาอะไรมารองน้ำฝนที่ตกลงมาก่อนดีกว่า "
" เพราะนายนั่นแหละ เพราะนายคนเดียวเลยจริงๆ "
" อ้าว! ทำไมถึงเพราะเราละ เราไม่ได้ทำน้ำท่วมห้องซะหน่อย "
" ก็ต้องเพราะนายสิ เพราะนายทะลุเพดานห้องลงมาไงห้องเลยเป็นรูโบ๋น้ำเลยเข้าสภาพแล้วเป็นอย่างนี้ "
" มันเป็นอุบัติเหตุนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะลงมาซะหน่อย "
ผมเลยนึกสังเวชตัวเองไปๆมาๆสุดท้ายก็ต้องมาฟังหมอนี่ภาพเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ไม่รู้รอบที่ล้านแปดได้แล้ว
" พอ ช่างเถอะ! ไปเอากะละมังมารองน้ำฝน "
ผมทำมือได้อย่างเพลียๆ พีมก็เดินไปหยิบกะละมังเอามารองน้ำฝนแต่รูปโบ๋ขนาดนี้กว้างขนาดนี้กระมังแค่นี้คงเอาไม่อยู่ ถ้าจะแก้ไขปัญหาจริงๆก็คงต้องซ่อมฝ้าเพดานนี้ให้เรียบร้อย แต่จะร้องเรียนป้าเจ้าของหอก็ไม่ได้ โถ่เว้ย!! พอถึงจุดๆนี้ผมก็ได้แต่ตบหน้าผากตัวเองอย่างโง่เง่า ไม่น่ารับแหวนของผู้ชายคนนี้มาเลยไม่น่ารับปากเลยว่าจะให้เขาอยู่ด้วยเดือน
ห้องก็เป็นรูปโบ๋แถมยังมีคนบ้าประสาทกลับอยู่ด้วย ได้อย่างเสียอย่างสินะ
" เอายังไงต่อดีละรุ้ง "
" นายก็วิดน้ำใส่กำลังต่อไปละกัน ทำเท่าที่ทำได้ไม่งั้นคืนนี้นายไม่ต้องนอทำเท่าที่ทำได้ ไม่งั้นคืนนี้นายไม่ได้นอนแน่ๆ "
" จริงด้วย "
เขาคนนั้นทำท่าทีกังวลแล้วก็เริ่มวิดน้ำอยู่บนห้องอย่างขยันขันแข็ง ส่วนผมก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกให้เรียบร้อย กลับพยายามทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอผมออกมาจากห้องน้ำ น้ำในห้องปริมาณก็ลดลงแต่คงแห้งไม่สนิทเหมือนเดิมตราบใดที่ข้างนอกยังฝนตกหนักอยู่
" ให้อุ้มไปที่เตียงมั้ย "
" ฮะ...จะบ้ารึไง ไม่ต้องเดินเองได้ "
ผมปฏิเสธอย่างเขินอาย ไม่เข้าใจว่าจะเสนอตัวมาอุ้มทำไม ผมไม่ได้พิการซะหน่อย ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ แต่ว่าถ้าหากว่าเราเหยียบลงพื้นอีกรอบเท้าเราก็จะเปียกขึ้นไปบนเตียงน่ะสิ เวรละลืมคิด!