" เอางี้ ผมตั้งชื่อให้ใหม่ละกันผมตั้งชื่อให้ใหม่ละกันชื่อว่า อัตตาหิอัตตโนนาโถ "
" ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน "
เฮ้ย...ผมมองเค้าอย่างตกตะลึง ว่าเค้ายังจะรู้พุทธศาสนสุภาษิตด้วย
" เราว่าชื่อนี่ไม่ค่อยดีเท่าไหรหรอกมันแปลกเกินไป "
" ... "
เหมือนชื่อตัวเองที่บอกมาไม่แปลกอะเนอะ ( มองบนเล็กหน่อย
" งั้นเอาเป็นว่านายชื่อ พีม ละกันสั้นดี อีกอย่างก็ยังคงชื่อของนายไว้ด้วย "
" ได้...งั้นเราจะใช้ชื่อนี้ พีม "
หลังจากวันนั้นผมไปทำงานตามปกติ อ้อ...งานที่ผมทำหนะคือพนังงานเสริฟอาหาร
เพล้ง...
ผมสะดุ้ง แล้วมองจานที่แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น แล้วก็ถอนหายใจอย่าเหนื่อยๆ โอ้ยย..จะเสร็จงานอยู่แล้วต้องมานั่งเก็บเศษจานที่อยู่บนพื้นอีก เซ็งชิบ...
" เดินประสาอะไรเนี่ย ทำไมไม่ดูเลย "
" แกนั้นแหละเดินประสาอะไรอีจิ้งจกแห้ง แล้วก็นะแกเป็นคนชนฉันเอง "
ผมมองนางน้ำหนึ่งกระเทยสันดานเสียที่เป็นเพื่อนร่วมงานด้วยสายตาแรงๆ ผมเดินถือจานกองพะเนินมันเดินมาตัวเปล่าก็ควรจะหลบไปทางอื่นไม่ใช่เหรอ
" ผมถือจานเป็นสิบๆใบคุณไม่เห็นหรือยังไง "
" ก็ไม่เห็นนะ...พอดีว่าไม่ทันมองหนะ "
" คนอื่นเค้าจะทำงาน ไม่ได้มาเดินเฉยๆทั้งวันไม่ทำอะไรเลยเมื่อคุณนะ "
" ก็แกเดินถือไม่ดูเองหนิ "
" จานมันเยอะจนเลยหน้าผมมาละ ถ้ามีคนช่วย ผมคงไม่ต้องแบกจานทีละเยอะๆ และก็จะไม่มีคนว่างมาเที่ยวเเกล้งคนอื่นเค้าแบบนี้หรอก "
" เอ้า!! อีจิ้งจกแห้ง พูดให้มันดีๆนะ ฉันจับจาดูแกอยู่ตลอดนั้นแหละแล้วมาว่าฉันอู้ได้ไง "
" มีใครไม่รู้บ้างละในร้านนี้ว่าคุณมันหัวหมอ ชอบหลบชอบพัก ชอบอู้ ผมก็สงสัยนะว่าทำไมผู้จัดการไม่ไล่คุณออก "
ผมพูดไปตามความจริงที่ผมประสบมาตลอด
" อีจิ้งจก "
เขาทำท่าเหมือนจะโผมาตบ แต่ผมรีบก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าและเก็บจาน
" เข้ามาสิถ้าคุณกล้า "
ผมยิงเศษจานที่เเตกขึ้นมาเพื่อขู่เขา
" นึกว่าจะกลัวเหรอ "
พูดไม่ทันขาดคำผู้จัดการร้านก็เข้ามาพร้อมกับตะโกนดังมาว่า
" หยุด !! ทำไรอะไรกันห่ะ ทะเลาะกันเสียงดังเหมือนหมากัดกันเลย "
" ก็ดูมันสิพี่พิไล "
พี่พิไลเห็นจานที่ตกแตกตรงพื้นแล้วถามขึ้นมา
" ฝีมือเธอสองคนใช่มั้ยห่ะ!! "
พี่พิไลถามด้วยน้ำเสียงที่ดุและน่ากลัว แล้วผมก็เล่าสถานการณ์ตอนนั้นให้พี่พิไลฟัง ว่าผมเดินเก็นจานปกติของผมดีๆแต่ว่าพี่น้ำหนึ่งไม่ยอมหลบแถมยังเดินชนผมอีกด้วย
" ไม่ใช่นะพี่พิไล มันนั้นแหละเดินมาชนผมเอง มันใส่ร้ายหนูค่ะ "
ผมถึงขั้นตะลึงกับคำแก้ตัวของอีตุ๊ดนั้นโกหกขั้นสุดเลยก็ว่าได้ไหนเขาบอกกันว่าตุ๊ดนิสัยดีทุกคนผมเถียงขาดใจเลยนะว่าไม่จริงง!!! ตุ๊ดไม่ได้นิสัยดีทุกคน แค่บางคนที่นิสัยดี
" พอแล้ว...พอกันทั้งสองคนเลย เลิกหาข้อเเก้ตัวละไปเก็บจานให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้!!! ถ้ามีใครเดิรมาเหยียบเข้าจะว่ายังไง "
ผมพยักหน้าแล้วรีบก้มลงไปเก็บจานอย่างรวดเร็ว ถ้าโดนไล่ออกขึ้นมานะตายแน่ๆช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีอยู่ด้วย
" ฉันขอเตือนไว้ตรงนี้เลยนะว่าถ้าหากพวกเธอทะเลาะกันจนเป็นเรื่องเป็นราวหรือมีครั้งต่อปอีกละก็ฉันบอกได้เลยว่าฉันจะไล่ออกทั้งคู่ เข้าใจมั้ย?? "
" เข้าใจค่ะ " ฉันตอบ
" ค่ะ "
" อ้อ แล้วก็นะฉันจะหักเงินเดือนพวกเธอทั้งสองคนเป็นค่าชดเชยที่ทำจานแตก "
ผมคิดในใจถ้าโดนหักเงินไปผมเองจะมีเงินพอที่จะจ่ายคาเทอมมั้ย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่เลิกงานแล้วกลับห้องขอตัวเอง
ห้อง 707
เปิดประตูมาเจอพีม ผมถึงกับสะดุ้งตกใจไม่ใข่อะไรนะคือยังไม่ชินที่มีคนมาอยู่ในห้องด้วย แถมยังเป้นใครไม่รู้อีก
" รุ้ง...กลับมาแล้ว "
ดีใจเหมือนน้องหมาได้เจอเจ้าของเลย แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนักเลยเดินเข้าครัวไปอยู่มุมห้องเพื่อทำโจ๊ก
" ไปทำงานมาเป็นไงบ้าง สนุกมั้ย?? "
" ไม่สนุก ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว "
" เออ...พีมข้าวที่อยู่ในถังสามารถหุงกินได้นะแต่ต้องหุงพอกิน เพราะเราต้องช่วยกันปรับหยัดค่าใช้จ่ายส่วนวิธีหุงก้ง่ายมาก แค่ตักข้าวสารใส่หม้อแล้วล้างน้ำประมาณ 2 - 3 ครั้งแล้วเอาน้ำใส่ข้าวสาร 1 แก้วน้ำครึ่งข้อนิ้วชี้แบบนี้ "
บลาๆๆ ผมก็อธิบายวิธีเสียบหม้อกดหุงข้าวและอื่นนๆให้อีกเยอะเเยะ แต่ทันใดนั้น
โครกกกกก ครากกก
เสียงท้องของผมมันก็ร้องขึ้นมา ผมเลยตั้งหน้าตั้งตาทำโจ้กให้เสร็จ
" โจ้กเสร็จแล้วว ได้เวลากินมื้อเย็นแล้ว "
" ว้าวว น่ากินจังเลยรุ้งหอมด้วย "
" นั่งลงสิ เดี๋ยวตังให้กิน "
หลังจากนั่งกินกันไปสักพักผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เค้าได้กินน้ำหรือยังนะ เพราะผมไม่ได้บอกเค้าไว้ว่าน้ำต้องกินยังไง
" เออ แล้วนายเอาน้ำที่ไหนกินเนี่ย หรือวันนี้ยังไม่ได้กินน้ำ? "
" อ้อ...ดื่มสิ "
" จากไหน?? "
" จากสายยางในห้องน้ำ "
" ห้ะ...สายยางตรงข้างชักโครกอะนะ "
" ใช่...ทำไมเหรอ "
ผมนิถึงกับหน้าเหวอเลย เพราะไอสายยางที่เค้าว่าอะมันคือสายยางฉีดก้น!!!